.
คู่สีสายเคเบิลโทรศัพท์ หรือสายโทรศัพท์มาตรฐาน นั้นจะแบ่งหมวดสีออกเป็น 2 หมวดคือ หมวดแม่สี กับหมวดลูกสี โดยแม่สีและลูกสีจะมีอย่างละ 5 สี
หมวดแม่สี
หมวดลูกสี
แม่สีหรือสีหลัก นั้น จะจับคู่กันกับลูกสีแบบ 1 ต่อ 5 และจับคู่กันได้ทั้งหมด 25 คู่ (5 x 5 = 25) โดยเริ่มจากสีขาวก่อน แม่สีทั้ง 5 สี จะจับคู่กัน กับลูกสี หรือ สีรองได้อย่างละ 5 คู่
การจับคู่ของแม่สีกับลูกสี
แม่สีที่1 :
ขาวแม่สีที่2 :
แดงแม่สีที่3 :
ดำแม่สีที่4 :
เหลืองแม่สีที่5 :
ม่วงการนับคู่สีนั้นจะเริ่มจากแม่สีขาวก่อน โดยเริ่มนับจากการจับคู่กันในคู่ที่ 1 ของแม่สีขาวจนครบคู่ที่ 5 แล้วมาเริ่มนับใน แม่สีแดง ต่อ ในคู่ที่ 1 แต่ให้นับเป็นคู่ที่ 6 แทน คือ แดง-นํ้าเงิน แล้วต่อด้วยคู่ ขาว-ส้ม เป็นคู่ที่ 7...จนครบแม่สีแดง คือ แดง-เทา เป็นคู่ที่ 10 จนถึงแม่สีม่วง ซึ่งเริ่มจากคู่ที่ 21 จนถึงคู่ที่ 25
การเพิ่มคู่สีด้วย Bider
คู่สีทั้ง 25 คู่ นั้นอยู่ในสายเคเบิลโทรศัพท์ได้แค่ 25 คู่สาย แต่ถ้าสายเคเบิลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมามากกว่านั้นหละจะมีวิธีการอย่างไร เช่นขนาดสายเคเบิลอากาศที่แขวนอยู่ตามเสาไฟฟ้านั้น จะมีขนาดเล็กเช่น เคเบิลขนาด 50 คู่สาย เคเบิลขนาด 100 คู่สาย 200 คู่สาย เป็นต้น และ วิธีการนับนั้น ก็จะเริ่มจากชุดคู่สี ที่เป็นคู่สายคือ กำหนด Bider ขึ้นมา มีลักษณะที่เป็น ริบบิ้นคู่สี หรือบางทีเรียกว่าโบว์ โดยจะเริ่มตั้งแต่คู่แรก คือ ขาว-นํ้าเงิน และจะถูกเรียกว่า Bider ที่พันรอบชุดคู่สีทั้ง 25 คู่ ตั้งแต่คู่ที่ 1 จนถึงคู่ที่ 25 ให้เป็น Bider ขาว-นํ้าเงิน และ Bider สุดท้าย คือ Bider ม่วง - นํ้าตาล เริ่มจากคู่ ที่ 576-600
การเพิ่มคู่สีด้วย Super
จะเห็นได้ว่าเราสามารถเพิ่มคู่สีขึ้นมาได้อีกจาก 25 คู่ จนถึง 600 คู่ ด้วยวิธีการกำหนด Bider หรือโบว์ ที่มีลักษณะเป็นริบบิ้นสีที่พันรอบชุดคู่สีทั้ง 25 คู่ และเราก็สามารถเพิ่มมันขึ้นมาได้ และจะเห็นได้ว่าคู่สีที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะมีจำนวนได้ สูงสุดถึง 600 คู่ และ Bider นั้นจะถูกใช้เพียง 24 คู่สี ตั้งแต่ ขาว-นํ้าเงิน จนถึง ม่วง-นํ้าตาล 24 Bider กับ 25 คู่สี 24 x 25 = 600 คู่สี (คู่สาย) จากการกำหนดค่าต่างๆ ให้กับคู่สี เรายังสามารถเพิ่มขนาดคู่สี ให้กับสายเคเบิลขนาดใหญ่ได้มากถึง 3000 คู่สี โดยเฉพาะเคเบิลขนาดใหญ่ ที่ใช้งานใต้พื้นดิน ด้วยวิธีการกำหนดเอาแม่สีหลัก มาเป็น Super (ซุปเปอร์) ที่พันรอบชุด Bider อีกครั้งโดยมีลักษณะ เป็น ริบบิ้นสีเดี่ยว คือ ขาว แดง ดำ เหลือง ม่วง โดยการกำหนดให้ Super แรก เป็น ซุปเปอร์ ขาว และแต่ละซุปเปอร์จะมีจำนวนคู่สีทั้งหมด 600 คู่
การนับคู่สีก็ให้ดูจาก Super เป็นหลักก่อนว่า Superสีอะไร เช่น Super ขาว ตรวจดูว่า Super ขาว นั้นเริ่มตั้งแต่คู่ไหนถึงคู่ไหน ต่อจากนั้นก็มาดูในส่วนของ Bider ว่าเป็น Bider สีอะไร เช่น Bider ขาว-ส้ม แล้วมาไล่ดูว่า Bider ขาว-ส้ม นั้นเริ่มจากคู่ไหนถึงคู่ไหน แล้วมาดูที่ Pair หรือคู่สี ว่าเป็นคู่สีอะไรและตรงกับลำดับที่เท่าไหร่ เช่นคู่สี แดง-นํ้าเงิน ในส่วนของ Super ขาว นั้นอยู่ระหว่าง คู่ที่ 1 ถึง 600 ส่วน Bider ขาว-ส้ม นั้นมีค่าอยู่ระหว่าง คู่ที่ 26 ถึง 50 และ Pair แดง-นํ้าเงิน นั้น ก็คือคู่ที่ 6 และอยู่ภายใน Bider ขาว-ส้ม ซึ่งเริ่มตั้งแต่คู่ 26-50 ในคู่เริ่มต้นของ Bider ขาว-ส้ม ก็คือ 26 ซึ่งเป็น คู่ ขาว-นํ้าเงิน (Pair ขาว-นํ้าเงิน) และคู่ที่27 ก็ต้องเป็น Pair ขาว-ส้ม นับไปจนถึงคู่ แดง-นํ้าเงิน (Pair แดง-นํ้าเงิน) ซึ่งตรงกับคู่ที่ 31 หรือจะให้ง่าย ก็ต้องใช้การบวกคู่สี Bider ขาว-ส้ม มีคู่สีคู่ที่ 6 คือ แดง-นํ้าเงิน นำมา + กับ Bider ขาว-ส้ม ซึ่งมี ค่าลำดับ Bider (B:2) เท่ากับ 25 จะได้ 25 + 6 = 31
วิธีคิดคู่สีนั้นจะมีอยู่ 2 แบบ ด้วยกันคือ การคิดคู่สีให้เป็นตัวเลข และการคิดตัวเลขให้เป็นคู่สี
การคิดคู่สีให้เป็นตัวเลข
ตัวอย่าง Super ขาว = 1-600 Bider ดำ-ส้ม=276-300 Pair เหลือง - เขียว = 18 นำค่าเริ่มต้นของ Super ขาว ลบด้วย 1 (1 - 1 = 0) นำค่าเริ่มต้นของBider ดำ- ส้ม ลบด้วย 1(276 - 1) บวกด้วยลำดับคู่สีคือ 18 (0 + 275 + 18 = 293) ค่าเริ่มต้นของSuper ขาว= 1 ค่าเริ่มต้นของ Bider ดำ-ส้ม=276
สำหรับเลขประจำหลักSuperแล้วให้ท่องจำเอา ตามดัชนีประจำหลัก INDEX:SBP
การคิดตัวเลขให้เป็นคู่สี
ตัวอย่างที่ 1 คู่สีที่ 32 อันดับแรกให้ดูที่ Super ก่อน เช่นคู่ 32 อยู่ใน Super ขาว (1-600) อยู่ใน Bider ขาว-ส้ม (26-50) นับจาก 26 ไปจนถึง 32 จะเป็นคู่ แดง-ส้ม Pair แดง-ส้ม คู่สีที่ 32 = Super ขาว Bider ขาว-ส้ม Pair แดง-ส้ม
ตัวอย่างที่ 2 คู่สีที่ 753 อยู่ใน Super แดง (601-1200) ใช้วิธีลบ คือให้นำ 753 - 600 = 153 (153 อยู่ใน Bider แดง-ส้ม(151-175)) นับจาก 151 ไปถึง 153 จะเป็น คู่ ขาว-เขียว หรือใช้วิธีลบ นำ 153 - 150 = 3 คู่ที่ 3 คือ Pair ขาว-เขียว
ตัวอย่างที่ 3 คู่สีที่ 1975 อยู่ใน Super เหลือง (1801-2400) 1975 - 1800 = 175 (175 อยู่ใน Bider แดง-ส้ม (151-175)) เป็นคู่สุดท้ายคือ คู่ ม่วง-เทา 175 - 150 = 25 คือ Pair:ม่วง-เทา
ตารางคู่สีมีทั้งหมด 5 Super แต่ละ Super มี 600 คู่สี
แสดงผลลัพธ์เมื่อคลิ๊กที่ปุ่มด้านบน
*ข้อสังเกตุจะเห็นว่าชุดสีม่วงนั้นมีแค่ 4 Bider
Biderเรียงตามลำดับมีทั้งหมด 24 Bider
คู่สีเรียงตามลำดับมีทั้งหมด 25 Pair
ระบบตัวเลขของคู่สีคือ ค่าตัวเลขของคู่สีนั้นๆ การจดจำตัวเลขหลักๆของคู่สีนั้นมีประโยชน์ต่อการนำมาคิดคำนวณหาคู่สี หรือนำมาหาลำดับตัวเลขจากคู่สี ในระบบตัวเลขของคู่สี จะมีลักษณะ 2 แบบ คือ แบบเลขเดี่ยวๆ เช่น 1, 5, 12, 20, 25 เป็นต้น ตัวเลขลักษณะแบบนี้จะใช้กับ Pair หรือคู่สีอย่างเดียว และแบบที่ 2 คือมีลักษณะเป็นช่วงของจำนวนตัวเลข จากระยะเริ่มต้นถึงระยะสิ้นสุด ซึ่งตัวเลขแบบนี้จะใช้กับ Bider และ Super
ตัวอย่างตัวเลขแบบเดี่ยวที่ใช้กับ Pair คู่สี
ตัวอย่างตัวเลขแบบเป็นช่วงที่ใช้กับ Bider โบว์
ตัวอย่างตัวเลขแบบเป็นช่วงที่ใช้กับ Super ซุปเปอร์
ค่าตัวเลขสูงสุดของ Pair=25 (5 x 5)
ค่าตัวเลขสูงสุดของ Bider=600 (25 x 24)
ค่าตัวเลขสูงสุดของ Super=3000 (600 x 5)
ระบบตัวเลขคู่สีในระบบSBPจะมีลักษณะเป็นรูปแบบเดี่ยวทั้งหมด ซึ่งตัวเลขในระบบSBPจะถูกนำมาคำนวณด้วยระบบโปรแกรม และถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานง่ายต่อการคิดคู่สี และการคำนวณด้วยโปรแกรม คอมพิวเตอร์ และในด้านการใช้งานจริงก็สะดวกต่อการจดจำในรูปแบบคู่สี ซึ่งถ้าเราจำคู่สีได้ 25 คู่ ก็สามารถรู้คู่สีได้ถึง 3000 คู่เลยทีเดียว ในการบันทึกก็ง่ายต่อการจดจำ และรู้ได้ทันทีว่าเป็นคู่สีอะไร
ตัวเลขในระบบคู่สีแบบSBP
ตัวอย่างตัวเลขแบบเดี่ยวที่ใช้กับ Pair คู่สี
ตัวอย่างตัวเลขแบบเดี่ยวที่ใช้กับ Bider โบว์
ตัวอย่างตัวเลขแบบเดี่ยวที่ใช้กับ Super ซุปเปอร์
ส่วนคู่สี หรือPair นั้นจะเป็นแบบเลขเดี่ยวเหมือนกัน
สำหรับคู่สีหรือPairนั้นจะใช้เหมือนกัน แต่BiderและSuperนั้นจะต่างกัน การหาค่าBiderก็ให้นำค่าเริ่มต้นของค่าBiderมาลบออกด้วย 1 เช่น Bider:ขาว-เขียว มีค่าช่วงอยู่ระหว่างคือ 51-75 ให้นำค่า 51 ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นมาลบด้วย 1 เป็น 51-1 = 50 Bider:ขาว-เขียว จะมีค่าในระบบSBPคือ 50 ส่วนค่าของSuperนั้นก็ทำเหมือนกัน เช่น Super:แดง มีค่าช่วงอยู่ระหว่าง 601-1200 ก็นำค่า 601 มาลบ ด้วย 1 เป็น 601-1 = 600 Super:แดง นั้นจะมีค่าลำดับในระบบSBP=600
ระบบSBPเป็นระบบที่ใช้ในการบันทึกคู่สีของคู่สายโทรศัพท์ ซึ่งในการเขียนโดยทั่วไปนั้นจะเขียนเป็นตัวเลข เช่น 23,56,103,135,567...เป็นต้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้นจะนำมาคำนวณหาคู่สี และเกิดความยุ่งยากสำหรับพนักงานที่ทำงานตัดต่อคู่สายโทรศัพท์ และอาจตัดต่อคู่สายผิดพลาดได้ และเวลาบันทึกคู่สายที่เสียหายก็ต้องบันทึกเป็นตัวเลข เช่นคู่สายที่อยู่ในSuperBider:ขาว Bider:แดง-ส้ม Pair:ขาว-เขียว ก็ต้องมาไล่ดูที่ตาราง สำหรับ SuperBider:ขาว นั้นจะอยู่ในตาราง 600 และ Bider:แดง-ส้ม นั้นก็คือBiderที่7 ซึ่งมีค่าอยู่ระหว่าง 151-175 สำหรับ Pair:ขาว-เขียว นั้นจะมีค่าเป็นคู่ที่ 3 และเวลาคิด ที่จะเขียนให้อยู่ในรูปแบบของตัวเลขนั้น ก็ต้องมาดูที่ตารางเป็นหลัก ส่วนSuperBider:ขาว นั้นจะมีลำดับเป็นเลข 0 คือให้นำค่า 0 มาตั้งและบวกกับค่าของ Bider:แดง-ส้ม ซึ่งมีค่าลำดับเป็น 150 และนำมาบวกกับ Pair:ขาว-เขียว ซึ่งมีค่าเป็น 3 และนำมาบวกกัน (0+150+3 = 153)
ในตาราง Index:SBP นั้นจะแบ่งออกเป็น 5 คอลัมน์ ได้แก่ SS, B1, B2, P1, P2
ดูตาราง index:sbp และไปเปรียบเทียบชุดสีได้ใน โปรแกรม cal sbp-02
SS คือ การแสดงผลลัพท์ของ Super
S:1 คือ Super:ขาว
S:2 คือ Super:แดง
S:3 คือ Super:ดำ
S:4 คือ Super:เหลือง
S:5 คือ Super:ม่วง
B:1 คือ Bider:ขาว-นํ้าเงิน ไปจนถึง B:24 Bider:ม่วง-นํ้าตาล
P:1 คือ Pair:ขาว-นํ้าเงิน ไปจนถึง P:25 Pair:ม่วง-เทา
B1 คือ Bider:ที่เป็นแม่สีหรือสีหลัก B1 Bider:ขาว,B1 Bider:แดง,B1 Bider:ดำ,B1 Bider:เหลือง,B1 Bider:ม่วง
B2 คือ Bider:ที่เป็นลูกสีหรือสีรอง B2 Bider:นํ้าเงิน,B2 Bider:ส้ม,B2 Bider:เขียว,B2 Bider:นํ้าตาล,B2 Bider:เทา
P1 คือ Pair:ที่เป็นแม่สีหรือสีหลัก P1 Pair:ขาว,P1 Pair:แดง,P1 Pair:ดำ,P1 Pair:เหลือง,P1 Pair:ม่วง
P2 คือ Pair:ที่เป็นลูกสีหรือสีรอง P2 Pair:นํ้าเงิน,P2 Pair:ส้ม,P2 Pair:เขียว,P2 Pair:นํ้าตาล,P2 Pair:เทา
การบันทึกคู่สีในระบบSBPนั้นผู้เขียนได้ทำการคิดค้นขึ้นมาในปี พ.ศ 2538 เพื่อแก้ไขปัญหาความผิดพลาดของการตัดต่อคู่สายโทรศัพท์ ซึ่งต้องบันทึกเป็นตัวเลข แต่เวลาแก้ไขจะแก้ไขตรงคู่สีโดยเฉพาะสายเคเบิลขนาดใหญ่ ซึ่งมีคู่สี มากถึง 3000 คู่ และเวลาแก้ไขคู่สีก็ต้องอ่านค่าตัวเลข ออกมาเป็นคู่สีให้ได้ และเวลาบันทึกคู่ที่เสีย ก็ต้องแปลงให้เป็นตัวเลข ซึ่งเกิดความยุ่งยากให้กับทีมงาน และผู้เขียนจึงได้คิดค้นระบบการบันทึกคู่สีแบบSBPขึ้นมาใช้งานในหน่วยงานของตัวเอง และก็สามารถแก้ไขปัญหาการบันทึกข้อมูลและอ่านข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
ตารางคู่สีเคเบิลนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ตารางด้วยกัน
SS + B1 + B2 + P1 + P2 =
0SS | B1 | B2 | P1 | P2 |
---|---|---|---|---|
0 | 0 | 0 | 0 | 1 |
600 | 125 | 25 | 5 | 2 |
1200 | 250 | 50 | 10 | 3 |
1800 | 375 | 75 | 15 | 4 |
2400 | 500 | 100 | 20 | 5 |
B:1 0
B:2 25
B:3 50
B:4 75
B:5 100
B:6 125
B:7 150
B:8 175
B:9 200
B:10 225
B:11 250
B:12 275
B:13 300
B:14 325
B:15 350
B:16 375
B:17 400
B:18 425
B:19 450
B:20 475
B:21 500
B:22 525
B:23 550
B:24 575
P:1 1
P:2 2
P:3 3
P:4 4
P:5 5
P:6 6
P:7 7
P:8 8
P:9 9
P:10 10
P:11 11
P:12 12
P:13 13
P:14 14
P:15 15
P:16 16
P:17 17
P:18 18
P:19 19
P:20 20
P:21 21
P:22 22
P:23 23
P:24 24
P:25 25